सामग्री में जाएं
2 मिनट लाल रीड हॉफमैन

रीड हॉफमैन बताते हैं कि एआई युग में तकनीक को बोल्ड होना चाहिए।

Reid Hoffman กล่าวถึงนโยบาย AI ของยุโรป

ในยุคที่ तक หรือปัญญาประดิษฐ์ กำลังเปลี่ยนแปลงโลกอย่างรวดเร็ว เราได้มีโอกาสฟังความคิดเห็นจาก Reid Hoffman ผู้ร่วมก่อตั้ง लिंक्चर्ड และพาร์ทเนอร์ของ Greylock Partners ในประเด็นที่พูดถึงนโยบาย AI ระหว่างสหรัฐอเมริกาและยุโรป รวมถึงการลงทุนในวงการ AI และความท้าทายที่เกิดขึ้นในตลาดเทคโนโลยีปัจจุบัน บทความนี้จะสรุปสาระสำคัญจากการพูดคุยของเขา พร้อมวิเคราะห์แนวคิดและวิสัยทัศน์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับอนาคตของ AI และเทคโนโลยีในระดับโลก

Reid Hoffman กล่าวถึงนโยบาย AI ของยุโรป

ยุโรปกับกฎระเบียบ AI: ความท้าทายของการควบคุมที่มากเกินไป

Reid Hoffman เริ่มต้นด้วยการวิจารณ์แนวทางของสหภาพยุโรปที่พยายามจะควบคุม तक อย่างเข้มงวดเกินไป ซึ่งเขามองว่าเป็นการ “overreach” หรือการขยายขอบเขตกฎระเบียบที่มากเกินไป จนอาจส่งผลเสียต่อการพัฒนาเทคโนโลยีในยุโรป

เขาให้เหตุผลว่า การที่ยุโรปพยายามตั้งกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดและต้องผ่านกระบวนการรับรองที่ซับซ้อน ทำให้บริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ บางแห่งเลือกใช้โมเดล AI รุ่นเก่าหรือที่ไม่ทันสมัย เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากในการรับรอง ซึ่งส่งผลเสียต่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรมในระยะยาว

การพัฒนา AI ที่รวดเร็วและกฎระเบียบยุโรป

อย่างไรก็ตาม Hoffman เห็นด้วยกับแนวคิดของ “safe harbor boundaries” หรือขอบเขตความปลอดภัยที่กำหนดไว้ในกฎหมาย AI Act ของยุโรป ซึ่งเป็นการกำหนดขอบเขตชัดเจนว่าหากผู้พัฒนาดำเนินงานภายในกรอบนั้น จะไม่ถูกดำเนินคดีหรือรับผิดชอบในข้อกำหนดที่ไม่ชัดเจน ซึ่งสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจและการลงทุน

เขาย้ำว่า “ความมั่นคง” ในกฎระเบียบเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้ากฎเปลี่ยนแปลงบ่อยหรือไม่ชัดเจน จะทำให้บริษัทต่าง ๆ หยุดชะงักและไม่กล้าลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ

ความแตกต่างระหว่างสหรัฐฯ และยุโรปในนโยบาย AI

ในขณะที่ยุโรปกำลังพยายามตั้งกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและเข้มงวด สหรัฐอเมริกากลับยังไม่มีการกำหนดกรอบนโยบาย AI ที่ชัดเจนเท่ากับยุโรป Hoffman ชี้ว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของรัฐบาลปัจจุบัน ยังไม่มีการระบุชัดเจนว่า AI ควรถูกควบคุมอย่างไร แม้จะมีการพูดคุยในประเด็นนี้บ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นกำหนดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนเหมือนกับที่เคยทำกับตลาดคริปโต

เขามองว่า ธุรกิจต้องการ “ความมั่นคง” เพื่อให้กล้าลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยี แม้จะไม่เห็นด้วยกับกฎระเบียบบางข้อ แต่ถ้ารู้ว่าต้องปฏิบัติตามอย่างไร ก็ยังดีกว่าที่จะไม่มีกรอบแน่ชัดเลย

ความสำคัญของความมั่นคงในกฎระเบียบ AI

Manus AI: การลงทุนในอนาคตเพื่อรักษาชีวิต

Reid Hoffman ยังได้พูดถึงโครงการ स्क्रिप्टेड एआई ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่เขาลงทุนและมุ่งเน้นไปที่การใช้ AI เพื่อค้นคว้าและพัฒนายารักษามะเร็งที่รุนแรง

นี่เป็นโครงการระยะยาวที่ใช้เวลาหลายปี และ Hoffman มองว่า การลงทุนในเทคโนโลยี AI แม้จะมีความไม่แน่นอนเรื่องกฎระเบียบในสหรัฐฯ ก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเขา เพราะเขามีความหวังและมองโลกในแง่ดีเสมอว่าการพัฒนาเทคโนโลยีจะนำไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น

Manus AI มุ่งเน้นการรักษามะเร็งด้วย AI

ปรับตัวและวางแผนยืดหยุ่นในธุรกิจ AI

ในบทสนทนา Hoffman ยังพูดถึงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในธุรกิจ AI ผ่านประสบการณ์กับ विभक्ति एआई และ Manus AI โดยเขาอธิบายว่าการทำธุรกิจ AI โดยเฉพาะในโมเดลผู้บริโภค (consumer agent) จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลก่อนที่จะรู้ว่ารูปแบบรายได้จะเป็นอย่างไร

ดังนั้นจึงมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่โมเดลธุรกิจระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า และยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไป

เขาย้ำว่าเป้าหมายสูงสุดคือการเปลี่ยนอุตสาหกรรมให้สำเร็จและเติบโตไปพร้อมกับ AI

การวางแผนธุรกิจ AI แบบยืดหยุ่น

สงครามการค้ากับจีนและผลกระทบต่อ AI

ประเด็นที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ความสัมพันธ์กับจีนในยุคของสงครามการค้า Hoffman เห็นว่า การดำเนินนโยบายการค้ารุนแรง เช่น ภาษีและข้อจำกัดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลย้อนกลับไปช่วยให้จีนได้เปรียบในหลายอุตสาหกรรม

เขายกตัวอย่างว่า ยุโรปมองว่าจีนเป็นพันธมิตรทางการค้าที่เสถียรกว่าในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการผลิตและเทคโนโลยี ทำให้จีนสามารถขยายตลาดได้ดีกว่าสหรัฐฯ

ในขณะที่คำพูดทางการเมืองมักจะพูดถึงการแข่งขันกับจีนอย่างดุเดือด แต่การกระทำบางอย่างกลับทำลายพันธมิตรและตลาดของสหรัฐฯ เอง

ผลกระทบของสงครามการค้าต่ออุตสาหกรรม AI

แนวคิด “Coopetition” กับจีน

Hoffman แนะนำแนวคิด “Coopetition” ซึ่งหมายถึงการแข่งกันและร่วมมือกันในเวลาเดียวกัน เขามองว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองและสันติภาพระหว่างประเทศ

เขายังสนับสนุนการลงทุนของนักลงทุนสหรัฐฯ ในตลาดจีน แม้ว่าจะมีข้อจำกัดและความไม่เท่าเทียมในบางด้าน แต่การเชื่อมโยงและความร่วมมือยังคงมีความสำคัญ

อย่างไรก็ตาม Hoffman ชี้ว่าบริษัท Manus AI ยังไม่ใช่ผู้นำในตลาดผู้ช่วย AI (agent space) ที่มีการแข่งขันสูง โดยมีผู้เล่นใหญ่หลายราย เช่น ओपनएआई , Anthropic, Microsoft และ Google ที่พัฒนาเทคโนโลยีอย่างแข็งขัน

Coopetition คือแนวคิดการแข่งและร่วมมือกัน

อนาคตของ OpenAI และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กร

Hoffman เคยเป็นกรรมการของ OpenAI และยังคงติดตามความเคลื่อนไหวของบริษัทอย่างใกล้ชิด เขาอธิบายว่า OpenAI กำลังเปลี่ยนโครงสร้างเป็น “public benefit corporation” หรือบริษัทเพื่อสาธารณประโยชน์ ซึ่งจะช่วยให้คณะกรรมการสามารถตัดสินใจโดยยึดเป้าหมายประโยชน์ของมนุษยชาติเป็นหลัก แยกจากผลกำไรทางธุรกิจ

การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้ OpenAI สามารถระดมทุนและพัฒนาเทคโนโลยี AI ต่อไปได้อย่างมั่นคง

Hoffman ยังแนะนำให้ลองเล่นกับโมเดล AI ที่มีความสามารถในการ “chain of thought” หรือคิดแบบเป็นขั้นตอนลึก ๆ เพื่อเข้าใจศักยภาพของ AI ในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของมนุษย์ในอนาคต

OpenAI เปลี่ยนโครงสร้างสู่บริษัทเพื่อสาธารณประโยชน์

การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI: ความจำเป็นของการเดินหน้าอย่างกล้าหาญ

เรื่องการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI เป็นอีกประเด็นที่ Hoffman ให้ความสำคัญ เขามองว่าแม้จะมีความเสี่ยงว่าอาจลงทุนเกินความจำเป็นในช่วงแรก แต่การไม่ลงทุนเลยจะทำให้สหรัฐฯ ตกขบวนการแข่งขันในอุตสาหกรรม AI ที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

เขาอธิบายว่าการตัดสินใจลงทุนควรใช้ “two by two matrix” หรือการวิเคราะห์แบบสองแกน เพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ระหว่างการลงทุนเร็วเกินไปกับการลงทุนช้าเกินไป และเห็นว่าการลงทุนอย่างกล้าหาญเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง

ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราจะเห็น AI เป็นผู้ช่วยส่วนตัวในการทำงาน เช่น การแนะนำคำถามที่ควรถาม หรือการแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะเปลี่ยนวิธีการทำงานของเราอย่างสิ้นเชิง

การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI เป็นสิ่งจำเป็น

ท่าทีทางการเมืองและการลงทุนเพื่ออนาคตของสหรัฐฯ

Hoffman ยังเปิดเผยถึงความตั้งใจในการให้การสนับสนุนทางการเมือง โดยเฉพาะในการเลือกตั้งที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งผู้พิพากษา เช่น ที่รัฐวิสคอนซิน แม้ผลลัพธ์จะไม่เป็นไปตามที่คาดหวังก็ตาม

เขาย้ำว่าเป้าหมายหลักคือการสร้างความเจริญรุ่งเรืองในสหรัฐฯ ผ่านการเปลี่ยนแปลงนโยบายพลังงานและการนำเทคโนโลยีซอฟต์แวร์มาช่วยปรับปรุงการทำงานของรัฐบาล

เขาเน้นว่าต้องการเห็นรัฐบาลมีประสิทธิภาพมากขึ้น แทนที่จะใช้วิธีการที่สร้างความเสียหาย เช่น การเนรเทศผิดกฎหมายหรือสงครามการค้าที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั่วไป

Reid Hoffman สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

ความเห็นต่อโครงการ Doge: การปรับปรุงประสิทธิภาพและความผิดพลาด

ในส่วนของโครงการ Doge ที่มุ่งมั่นจะปรับปรุงประสิทธิภาพภาครัฐ Hoffman ชี้ให้เห็นว่าการเริ่มต้นด้วยการสร้างระบบวิเคราะห์ข้อมูลและทำความเข้าใจอย่างละเอียดเป็นแนวทางที่ดี

แต่การตัดสินใจที่ “ปิดระบบจ่ายเงินทั้งหมด” และทำให้ระบบล่มล้ม ถือเป็นความผิดพลาดร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อภาครัฐและผู้ใช้บริการ

เขาแนะนำว่าควรใช้วิธีการทำงานแบบ “iterative” หรือปรับปรุงทีละน้อยและเรียนรู้ไปพร้อมกัน แทนที่จะทำลายระบบเดิมทั้งหมดแล้วค่อยหาทางแก้ไขทีหลัง

LinkedIn กับการเปลี่ยนแปลงในยุค AI และสื่อสังคมออนไลน์

เมื่อพูดถึง लिंक्चर्ड แพลตฟอร์มที่ Hoffman ร่วมก่อตั้ง เขาแสดงความภาคภูมิใจที่ LinkedIn ยังคงยึดมั่นในภารกิจหลัก คือช่วยให้ผู้คนพัฒนาชีวิตทางเศรษฐกิจ หางาน สร้างเครือข่าย และทำความเข้าใจโลกธุรกิจ

แม้ว่าโลกของโซเชียลมีเดียจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเต็มไปด้วยวิดีโอและเนื้อหาหลากหลายรูปแบบ แต่ LinkedIn ยังคงรักษาเป้าหมายที่ชัดเจนและพัฒนาฟีเจอร์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ประสบความสำเร็จในด้านงานและธุรกิจ

LinkedIn เปลี่ยนแปลงและพัฒนาต่อเนื่องในยุค AI

ศัพท์เทคนิคที่ควรรู้ในบทความนี้

บทสรุปจาก Insiderly :

จากการวิเคราะห์ของ Reid Hoffman เราเห็นภาพชัดเจนว่า AI กำลังเข้าสู่ยุค “การปฏิวัติอุตสาหกรรมเชิงปัญญา” หรือ “cognitive industrial revolution” ที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและธุรกิจอย่างลึกซึ้ง

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญคือการวางกรอบกฎระเบียบที่สมดุลระหว่างการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและการควบคุมความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรปที่ยังต้องปรับปรุงให้เหมาะสมกับความเร็วของนวัตกรรม

การลงทุนอย่างกล้าหาญในโครงสร้างพื้นฐานและการวิจัย AI เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อไม่ให้ประเทศใดประเทศหนึ่งตกขบวนการแข่งขันในเวทีโลก และแนวคิด “coopetition” หรือการแข่งและร่วมมือกับจีนอย่างมีสติ จะช่วยสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจและความมั่นคงระหว่างประเทศ

สุดท้ายนี้ AI จะกลายเป็นผู้ช่วยสำคัญในการทำงานและชีวิตประจำวันของเรา และองค์กรอย่าง OpenAI ที่มีเป้าหมายเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ จะเป็นตัวขับเคลื่อนนวัตกรรมที่ยั่งยืนในอนาคต

ดังนั้น การทำความเข้าใจและเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้คือกุญแจสำคัญที่ทุกคนควรให้ความสนใจ เพื่อให้เราไม่เพียงแค่ตามเทคโนโลยี แต่สามารถสร้างโอกาสและความเจริญก้าวหน้าร่วมกันได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน